วิธีการใช้งานปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ทำอย่างไรให้ใช้งานได้นาน
ปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) เป็นวาล์วควบคุมการไหลที่ได้รับความนิยมในระบบอุตสาหกรรม น้ำมัน ก๊าซ และระบบประปา เนื่องจากมีโครงสร้างที่เรียบง่าย ใช้งานง่าย และมีต้นทุนต่ำกว่าวาล์วประเภทอื่น แต่การใช้ Butterfly Valve ให้ใช้งานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นต้องใช้งานและดูแลรักษาอย่างถูกต้องด้วย
ในบทความนี้เรามีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับวิธีการใช้งานวาล์วปีกผีเสื้อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และรองรับกับการใช้งานได้ในระยะยาวมาบอกกัน มีอะไรบ้างมาชมไปพร้อมกันเลย
- เลือกประเภท Butterfly Valve ให้เหมาะสมกับงาน
ปีกผีเสื้อมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้นออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- วาล์วปีกผีเสื้อชนิด Wafer : ใช้สำหรับระบบที่มีแรงดันต่ำ-ปานกลาง ติดตั้งง่าย
- วาล์วปีกผีเสื้อชนิด Lug : เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการการถอดเปลี่ยนโดยไม่ต้องหยุดระบบทั้งหมด
- วาล์วปีกผีเสื้อแบบ Double Offset และ Triple Offset : เหมาะสำหรับระบบที่มีแรงดันสูง ลดการเสียดสี และยืดอายุการใช้งาน
การเลือกใช้ butterfly valve ที่เหมาะสมกับแรงดัน อุณหภูมิ และประเภทของการทำงานจะช่วยให้วาล์วทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
- ติดตั้ง Butterfly Valve อย่างถูกต้อง
การติดตั้งที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้วาล์วทำงานผิดปกติหรือเสียหายเร็วกว่าปกติ ทั้งนี้ ก่อนติดตั้งวาล์วปีกผีเสื้อ ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
- ตรวจสอบขนาดหน้าแปลน ให้ตรงกับวาล์วก่อนติดตั้ง
- ติดตั้งให้มีระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเปิด-ปิดวาล์ว
- หลีกเลี่ยงการขันน็อตแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้ตัววาล์วบิดเบี้ยวและทำงานผิดปกติ
- ตรวจสอบทิศทางการไหลของของไหล ตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ใช้งาน Butterfly Valve อย่างถูกต้อง
เพื่อป้องกันการสึกหรอและการเสียหาย ควรใช้งาน butterfly valve ให้ถูกวิธี โดยการใช้งานวาล์วปีกผีเสื้อที่เหมาะสมและช่วยลดความเสียหายได้ในระยะยาว มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเปิด-ปิดอย่างรวดเร็ว เพราะอาจทำให้แรงดันเปลี่ยนแปลงฉับพลันและทำให้วาล์วเสียหาย
- ห้ามใช้เกินพิกัดแรงดันและอุณหภูมิที่กำหนด ควรตรวจสอบสเปกของวาล์วก่อนใช้งาน
- เปิด-ปิดวาล์วอย่างสม่ำเสมอ หากเป็นระบบที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย การปล่อยให้วาล์วอยู่กับที่นาน ๆ อาจทำให้เกิดตะกอนสะสมและส่งผลต่อการทำงาน
- การบำรุงรักษา Butterfly Valve เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน
การตรวจสอบและทำความสะอาดเป็นประจำนอกจากจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานของระบบอยู่ในระดับที่ดีแล้ว ยังเป็นวิธีที่ช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับวาล์วปีกผีเสื้อ โดยวิธีตรวจสอบและบำรุงรักษา ทำได้ดังนี้
การตรวจสอบสภาพของ Butterfly Valve
- ตรวจสอบการรั่วซึมของวาล์วเป็นระยะ
- ทำความสะอาดตัววาล์วและซีลยางเพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรก
- หากใช้งานในระบบที่มีสารเคมี ให้ตรวจสอบความเข้ากันได้ของวัสดุวาล์วกับของไหล
การหล่อลื่นซีลและชิ้นส่วนเคลื่อนที่
- หากเป็น butterfly valve แบบ Manual หรือ Gear Operated ควรมีการหล่อลื่นแกนหมุนและส่วนที่เคลื่อนที่เป็นระยะ
- หลีกเลี่ยงการใช้สารหล่อลื่นที่ไม่เหมาะสมกับวัสดุของวาล์ว
การเปลี่ยนอะไหล่ที่เสื่อมสภาพ
- หากพบว่าซีลหรือไดอะแฟรมมีการเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อป้องกันการรั่วซึม
- ตรวจสอบแผ่นวาล์วและแกนหมุน หากพบรอยสึกหรอหรือการกัดกร่อน ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อให้วาล์วทำงานได้ดี
- หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ Butterfly Valve เสื่อมสภาพเร็ว
การใช้งานที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้วาล์วเสียหายก่อนเวลาอันควร แม้ว่าวาล์วปีกผีเสื้อจะมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างยืดหยุ่นต่อการใช้งาน แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยต่อไปนี้
- แรงดันที่เกินขีดจำกัดของวาล์ว
- การไหลย้อนกลับที่ไม่มีตัวกันกลับ (Check Valve)
- การสะสมของสิ่งสกปรกและตะกอนภายในวาล์ว
- การใช้วาล์วในอุณหภูมิที่สูงเกินไปโดยไม่มีฉนวนกันความร้อน
- การเปิด-ปิดวาล์วในสภาวะที่เกิดค้อนน้ำ (Water Hammer) ซึ่งอาจทำให้วาล์วเสียหายอย่างรวดเร็ว
การใช้งาน Butterfly Valve ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน จำเป็นต้องเริ่มจาก การเลือกวาล์วที่เหมาะสม ติดตั้งอย่างถูกต้อง ใช้งานอย่างระมัดระวัง และมีการบำรุงรักษาเป็นประจำ หากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ วาล์วจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดโอกาสในการเกิดความเสียหาย และช่วยประหยัดต้นทุนในการซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ในระยะยาว และหากใครสนใจอยากซื้อวาล์วน้ำที่มีคุณภาพและนำเข้าจากแบรนด์ชั้นนำ สามารถเลือกซื้อสินค้าและคำปรึกษากับ Asia-Pacific Supply ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าสินค้าวาล์วน้ำอุตสาหกรรมกว่า 29 ปี